READING

30 เคล็ดลับสู่วิถีคนสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอกรับปี...

30 เคล็ดลับสู่วิถีคนสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอกรับปีใหม่

หลายคนชอบตั้งเป้าหมายว่าจะเริ่มทำอะไรใหม่ ๆ เมื่อเริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ เดือนใหม่ หรือปีใหม่เพราะให้ความรู้สึกถึงการเปลี่ยนผ่านจากชีวิตเดิมสู่ชีวิตใหม่ที่หนักแน่นมากกว่าช่วงเวลาใด ๆ แต่จะดีกว่าหรือไม่ถ้าเราล่วงรู้ “ทางลัด” โดยไม่ต้องไปขวนขวายเอง “ทางลัด” ที่จะช่วยให้เส้นทางสู่วิถีคนสุขภาพดีของเราราบรื่นขึ้น

วันนี้ Fit Kab Dao เลยมีทริกดี ๆ ที่คัดสรรค์และรวบรวมมาสรุปเป็น 30 ข้อสู่การมีสุขภาพดีแบบเข้าใจง่าย ทำได้จริง และส่งผลที่ดีต่อร่างกายและจิตใจอย่างมหาศาลมาฝากทุกคนค่ะ

1.       ใส่ผลไม้ลงในน้ำเปล่า เช่น เลม่อน มะนาว แตงกวา หรือสตอเบอร์รี่

อ้างอิงรูปภาพ

ไม่ว่าคุณจะเปิดไปที่แหล่งข้อมูลด้านสุขภาพทั้งไทยและเทศสำนักไหน ๆ คุณก็มักจะเห็นคำแนะนำให้ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อร่างกาย นั่นก็เพราะน้ำดื่มคือขุมพลังสำคัญในการขับเคลื่อนกระบวนการดำรงอยู่ของร่างกายสิ่งมีชีวิต ดังนั้นเรื่องพื้นฐานอย่างการดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวันจึงไม่ใช่เพียงเรื่องเล่น ๆ ที่หลายสำนักจั่วหัวขึ้นมาเพื่อให้บทความดูยาวขึ้นแต่อย่างใด

ถ้าคุณเป็นหนึ่งในคนที่รู้สึกว่าการฝึกตัวเองให้ดื่มน้ำมากขึ้นช่างเป็นเรื่องที่ยากเย็นเสียเหลือเกินเพราะน้ำเจ้ากรรมมีรสชาติที่ไม่ได้เรื่องเหมือนชาไข่มุกแก้วโปรดที่ให้ดื่มทั้งวันยังได้ ขอแนะนำให้ลองฝานมะนาว เลม่อน แตงกวา หรือผลไม้อย่างเบอร์รี่ใส่ลงในน้ำดื่มดูค่ะ จะช่วยให้น้ำมีรสชาติมากขึ้นแถมพ่วงด้วยความสดชื่นซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถจิบน้ำได้อย่างเพียงพอตลอดวัน

2.       แพ็กวัตถุดิบทำสมูทตี้เป็นสูตร ๆ ไว้ในช่องฟรีซ

อ้างอิงรูปภาพ

สมูทตี้อาจดูเป็นเมนูไกลตัวสำหรับคนไทย สาเหตุอาจเป็นเพราะวัตถุดิบในการผสมที่เห็นประปรายตามร้านรถเข็นดูละลานตาจนเลือกไม่ถูก แถมการนำเสนอรูปลักษณ์สมูทตี้ตามแต่ละคาเฟ่ก็ดูหรูหราและพ่วงมาด้วยราคาแรง ๆ เสียจนรู้สึกเข้าไม่ถึง หลายคนจึงอาจจะจัดสมูทตี้ให้เป็นเมนูเกินเอื้อม แต่แท้จริงแล้วสมูทตี้เป็นเมนูที่ทำง่ายมาก ๆ ค่ะ และ Fit Kab Dao อยากแนะนำให้ลองทำรับประทานที่บ้านเพราะเป็นเมนูที่ช่วยเพิ่มกากใยให้แก่ร่างกายแบบง่ายที่สุด ใช้เวลาทำสั้น ขั้นตอนน้อย มีแค่เครื่องปั่นน้ำก็ทำได้แล้วค่ะ

ขั้นตอนมีเพียงใส่ผักหรือผลไม้ที่ต้องการลงไป ปั่น แล้วทาน แต่มีทางลัดให้ขั้นตอนสั้นลงไปอีกค่ะ คือให้คุณแพ็กวัตถุดิบสมูทตี้ตามที่ต้องการลงในถุง เช่น มะม่วง, กล้วย+สตอเบอร์รี่, กล้วย+อะโวคาโด+ผักโขม ฯลฯ จากนั้นนำไปแช่แข็งไว้ เมื่อถึงเวลาที่ต้องการทานก็หยิบสมูทตี้สูตรที่อยากลิ้มลองในวันนั้นโยนลงโถปั่นได้เลยค่ะ วิธีนี้จะช่วยประหยัดเวลาและลดความยุ่งยากไปได้มากโขเชียว

3.       เดินเล่น

อ้างอิงรูปภาพ

กำลังคิดใช่ไหมคะว่าเรื่องธรรมดาแบบนี้เนี่ยนะที่เอามาแนะนำ ขอบอกเลยค่ะว่าการเดินเล่นให้อะไรเราได้มากกว่าที่คิด การเดินเล่นในเวลาและอากาศที่ดีคือหนึ่งในวิธีการอยู่กับตัวเองค่ะ ในทุกขณะก้าวที่เราย่างไปมีอะไรหลายอย่างเกิดขึ้นในหัวของเรา ให้ลองปล่อยค่ะ ปล่อยความคิดของเราไปเพราะจะช่วยให้สมองปรอดโปร่งขึ้น บางครั้งอาจทำให้เราได้คำตอบของคำถามที่เรากำลังหาอยู่ได้ด้วยนะคะ

โดยคุณสามารถเลือกเดินฟังเสียงรอบข้างหรือเปิดเพลงฟังไปด้วยก็ได้ค่ะ ทริกหนึ่งที่อยากแนะนำสำหรับคนที่หาพื้นเดินดี ๆ ได้ เช่น พื้นที่เป็นสนามหญ้าหรือดินร่วนนุ่ม ๆ คือให้ถอดรองเท้าเดินค่ะ ใช่ค่ะ! ถอดรองเท้าแบบที่เวลาพี่ปาล์มมี่ขึ้นเล่นคอนเสิร์ต ให้เท้าเปลือยเปล่าของคุณได้สัมผัสกับธรรมชาติดู คุณจะรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาเลยค่ะ

4.       ทำความสะอาดบ้าน

อ้างอิงรูปภาพ

หลายคนพอคิดว่าวันนี้กลับบ้านไปต้องไปออกกำลังกายก็ถอนหายใจกันเฮือกใหญ่แล้วใช่ไหมคะ เพราะไหนจะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ไหนจะขับรถไปยิมหรือลานวิ่ง ไหนจะวอร์มร่างกาย ตอนออกกำลังกายก็เหนื่อย กว่าจะกลับถึงบ้านอีก สุดท้ายเลยมักจบลงที่การนอนบนโซฟาไถ Facebook เล่นแทน ลองเริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการทำความสะอาดบ้านดูค่ะ เพราะนอกจากจะช่วยเรื่องความสะอาดและสุขอนามัยแล้วยังเป็นการเผาผลาญพลังงานแบบหนึ่งโดยโฟกัสไปที่การทำความสะอาดแทนการออกกำลังกาย

ตรงจุดนี้นี่เองที่การทำความสะอาดบ้านจะสร้างแรงใจแก่คุณ เพราะคุณจะรู้สึกว่าเป็นกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายใช้พลังงานได้ง่ายกว่าการออกกำลังกาย ทำให้ตัดสินใจลงมือปฏิบัติได้ดีกว่าค่ะ พอบ้านของคุณสะอาดเรียบร้อยแล้ว ชีวิตก็จะเป็นระเบียบมากขึ้นตามไปด้วย ทีนี้สมองของคุณก็จะคิดอะไรเป็นระบบได้ง่ายขึ้นด้วยนะเออ

5.       ใช้เครื่องเทศ เช่น พริกไทย อบเชย ลูกผักชี ออริกาโน่ โรสแมรี่ ผงหม่าล่า

อ้างอิงรูปภาพ

หากติดตามมาสักระยะ คุณคงทราบว่า Fit Kab Dao เน้นทานอาหารคลีนค่ะ อาหารคลีนสำหรับ Fit Kab Dao คืออาหารที่ปรุงแต่งน้อยโดยเน้นทานอาหารจากธรรมชาติเป็นหลัก ถ้าถามว่าทานคลีนมาหลายปีไม่เบื่อบ้างเหรอ? เพราะรสชาติคงจืดชืด เสียชื่ออาหารไทยครัวของโลกที่มีความจัดจ้านครบรส ขอบอกตรงนี้เลยค่ะว่า มี! หลังจากขวนขวายและทดลองอยู่พักหนึ่งจึงค้นพบว่าพวกเครื่องเทศนี่แหละค่ะคือขุมทรัพย์อันมีค่ามหาศาล!

เครื่องเทศช่วยเติมสีสันในการทานคลีนได้เป็นเท่าทวีคูณ โดยให้ทั้งรสและกลิ่นพร้อมสรรพคุณที่ช่วยบำรุงร่างกายมากมาย แถมช่วยเผาผลาญได้อีกต่างหาก รู้อย่างนี้แล้วรีบไปซื้อติดครัวไว้เลยนะคะ แล้วการทานคลีนจะเป็นเรื่องสนุกได้ทุกวันค่ะ

6.       ใช้แอปนับสารอาหาร

อ้างอิงรูปภาพ

การควบคุมแคลอรี่คือเรื่องที่ Fit Kab Dao เน้นย้ำอยู่เสมอเพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานที่เหมาะสมกับกิจกรรมที่ทำต่อวันโดยเหลือเก็บเป็นไขมันสะสมให้น้อยที่สุดเพื่อรูปร่างและสุขภาพที่ดีกว่า แต่ถ้าพูดเฉพาะหลักการเดี่ยว ๆ คือ “ทานให้น้อยกว่าที่ใช้” ก็กินความกว้างเกินไป บางคนจึงมีแนวคิดผิด ๆ เน้นนับแคลอรี่อย่างเดียว เช่น อดอาหารเพื่อรับแคลอรี่น้อยลงกว่าที่ควรจะเป็น หรือทานแต่อาหารขยะเป็นหลักแต่คุมแคลอรี่ให้ได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ ไม่ว่าจะกรณีใดก็ส่งผลที่ไม่ดีต่อร่างกายในระยะยาวเพราะร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นไม่เพียงพอค่ะ แต่ลำพังแค่นับแคลอรี่ก็เต็มตื้นแล้ว ครั้นจะให้นับสารอาหารอีกก็คงวุ่นวายน่าดู 

Fit Kab Dao ขอแนะนำให้ลองใช้แอปช่วยนับแคลอรี่อย่าง MyFitnessPal หรือ Lifesum ดูค่ะ คุณสามารถค้นหาได้เลยว่าอาหารที่คุณทานมีแคลอรี่เท่าไหร่และสารอาหารอะไรบ้าง แต่ไม่แนะนำให้ค้นหาชื่ออาหารโดยตรงนะคะ แนะนำให้บันทึกเป็นวัตถุดิบที่ประกอบอยู่ในอาหารที่คุณทานแทนถ้าเป็นไปได้ค่ะ เพราะเราไม่ทราบว่าชื่ออาหารที่เราค้นหาใช้วัตถุดิบอะไรบ้างและปริมาณเท่าไหร่ เป็นเพียงค่าคร่าว ๆ เท่านั้น และถ้าคุณเห็นเครื่องหมายเช็คถูกด้านหลังรายการ แสดงว่ามีความน่าเชื่อถือพอสมควรเพราะได้รับการตรวจสอบแล้วนั่นเอง

โดยแอปจะแสดงผลลัพธ์ให้คุณเห็นเลยว่าได้รับสารอาหารอะไร ปริมาณเท่าใด และแคลอรี่เท่าไหร่ ทั้งนี้คุณสามารถเข้าไปตั้งค่าได้ว่าต้องการลดไขมัน รักษาน้ำหนัก หรือเพิ่มน้ำหนัก และต้องการรับสารอาหารประเภทใดมากหรือน้อย แล้วแอปจะแสดงผลลัพธ์ว่าคุณได้รับปริมาณเกินหรือต่ำกว่าที่กำหนดไว้ค่ะ วิธีการนี้นอกจากจะเหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแลด้านอาหารที่จริงจังขึ้นแล้ว ยังเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพที่แพทย์แนะนำให้ควบคุมสารอาหารบางอย่างด้วยค่ะ คุณจะเห็นภาพรวมได้ดีขึ้นว่าคุณมอบอะไรให้แก่ร่างกาย แต่ไม่ต้องกังวลว่าต้องใช้แอปนี้ไปชั่วชีวิตนะคะ พอใช้ไปสักพักคุณก็จะสามารถกะอาหารได้ด้วยตาเปล่าโดยไม่ต้องพึ่งแอปแล้วค่ะ

7.       เพิ่มกิจกรรมระหว่างวัน

อ้างอิงรูปภาพ

ปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายบางคนต้องใช้วันละ 1,500 หรือ 2,000 หรือ 2,500 แคลอรี่ ซึ่งแตกต่างกันไปตามค่า BMR (Basal Metabolic Rate) ของแต่ละคน ถือเป็นแคลอรี่ที่ร่างกายต้องใช้เพื่อดำรงชีพต่อวัน อาจกล่าวได้ว่าเป็นแคลอรี่ขั้นต่ำที่ร่างกายใช้ก็ว่าได้ค่ะ ซึ่งก็เป็นจำนวนที่เยอะใช้ได้ในโลกอดีตแต่ไม่พอกับในโลกอุตสาหกรรมอาหารยักษ์ใหญ่ในปัจจุบันที่อาหารถูกนำไปแปรรูปให้ล่อตาล่อใจมากขึ้น แถมมีเทคโนโลยียืดอายุอาหารด้วยสารต่าง ๆ หรือแม้แต่นวัตกรรมอย่างตู้เย็นและไมโครเวฟที่ทำให้มนุษย์สามารถอิ่มหนำได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้คนเข้าถึงอาหารได้มากกว่าในอดีตที่กว่าจะออกล่าสัตว์มาได้ก็กินเวลาเป็นวัน ๆ หรืออาจล่ามาไม่ได้เลยก็ต้องอดกันไป

แล้วเรามีวิธีเพิ่มค่า BMR หรือช่วยให้ร่างกายใช้พลังงานเพิ่มนอกเหนือจากพลังงานหลักที่ต้องใช้ขึ้นมาเพื่อรองรับโลกยุคนี้หรือไม่? คำตอบคือ มีค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มกล้ามเนื้อเพื่อช่วยบูสต์ระบบเผาผลาญ หรือออกกำลังกายเพื่อเบิร์นได้มากขึ้น อีกวิธีที่ง่ายกว่านั้นคือการเพิ่มกิจกรรมระหว่างวันค่ะ เป็นวิธีที่ไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายเหมือนสองวิธีแรกแถมทำได้ทุกวัน โดยอาจเป็นกิจกรรมง่าย ๆ ได้เลยค่ะ เช่น เดินเล่น ดูแลต้นไม้ เล่นกับสัตว์เลี้ยง เล่นกับลูก ออกไปซื้อน้ำปลาที่หน้าปากซอยให้แม่ เตะตะกร้อกับพ่อ ฯลฯ หลักการคือขยับตัวให้มากขึ้นเท่านั้นเองค่ะ

8.       รับแสงแดด

อ้างอิงรูปภาพ

หลายคนอาจร้องกรี๊ดกับข้อนี้แน่ ๆ เพราะเมืองไทยเป็นแดนที่แสงแดดโลมเลียหลังคาบ้านจนซีดได้ภายในไม่กี่เดือน แดดร้อนจนต้องร้องขอชีวิต ใจเย็น ๆ ค่ะ แสงแดดที่แรงเกินไปส่งผลเสียต่อร่างกายแน่นอน แต่ไม่ใช่กับแสงแดดอ่อน ๆ ช่วงเช้าถึงประมาณ 10 โมงค่ะ (ขึ้นอยู่กับแต่ละฤดูด้วย) การรับแดดอ่อน ๆ จะช่วยปลุกฮอร์โมนเซโรโทนินให้พร้อมขับเคลื่อนกิจกรรมของร่างกายเต็มที่ ทำให้คุณมีอารมณ์สดใสขึ้นเพื่อรับมือกับวันใหม่ค่ะ นอกจากนี้อากาศตอนเช้า ๆ จะปลอดโปร่งกว่าช่วงใดเพราะรถน้อยทำให้มลพิษยังคงเบาบาง แถมคนน้อยทำให้เป็นช่วงที่สงบปราศจากความวุ่นวายด้วยค่ะ อีกทั้งยังมีงานวิจัยพบว่าแสงสีน้ำเงิน (Blue Light) สามารถช่วยลดขนาดของเซลล์ไขมันใต้ผิวหนังได้ด้วย

9.       พกขนมสุขภาพติดตัว

อ้างอิงรูปภาพ

วิธีนี้ดีมาก ๆ สำหรับผู้ที่มีสายตาและมือว่องไวชอบหยิบฉวยขนมมาทานค่ะ ขอแนะนำให้หาขนมหรือทำขนมที่คุณชอบในเวอร์ชันที่คลีนขึ้น (เลือกวัตถุดิบเอง จำกัดปริมาณเอง ทำเอง) เช่น คุกกี้ไร้แป้ง บราวนี่อะโวคาโด ถั่วอัลมอนด์ สตอเบอร์รี่ ฯลฯ แล้วพกไปด้วย ถ้าตอนไหนที่คุณอดใจไม่ไหวอยากทานจุบจิบหรือคันปากอยากเคี้ยวขึ้นมาจริง ๆ ก็หยิบเจ้าขนมนี้ขึ้นมาทานได้โดยไม่ต้องรู้สึกผิดมากมายค่ะ จะช่วยลดความเครียดลงไปได้และทำให้คุณมีความสุขกับชีวิตโดยไม่ต้องอดของที่ชอบด้วย แต่ทั้งนี้ต้องจำกัดปริมาณที่พกไปด้วยนะคะ เพราะอย่างถั่วอัลมอนต์ในปริมาณ 100 กรัมก็ให้แคลอรี่มากถึง 575 kcal

10.   ขับ/นั่งรถน้อยลง

อ้างอิงรูปภาพ

บางคนเคยชินกับการใช้ยานพาหนะในการเดินทางไปทุกหนทุกแห่ง ลองเปลี่ยนจากขี่มอเตอร์ไซด์ไปซื้อน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ร้านโชว์ห่วยหน้าปากซอยให้แม่ เป็นการเดินไปกลับดูจะช่วยเพิ่มการเผาผลาญขึ้นมาได้  หรือถ้าชอบเดินอยู่แล้ว คุณอาจลองตั้งเป้าติดตามจำนวนก้าวให้ได้ประมาณ 10,000 ก้าวต่อวันก็ได้เช่นกันค่ะ นอกจากนี้ยังมีเรื่องดี ๆ นอกจากแค่เฉพาะเรื่องเพิ่มการเผาผลาญด้วยนะคะ นั่นคือคุณจะได้เห็นหรือสังเกตสิ่งรอบตัวได้ชัดเจนขึ้นแบบที่เวลาขับขี่/นั่งรถทำไม่ได้ค่ะ เราอาจเพิ่งได้สังเกตเห็นร้านคาเฟ่ที่น่าสนใจหรือสถานที่ต่าง ๆ ที่เพิ่งจะรู้ว่ามีทั้ง ๆ ที่อยู่แถวนี้มาตั้งนานแล้ว ทั้งนี้ก็ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมด้วยนะคะ ถ้าสภาพอากาศแย่มากหรือมืดค่ำไม่ปลอดภัยก็ควรหลีกเลี่ยงค่ะ

11.   ทานหมดแล้วให้รอประมาณ 10-15 นาที

อ้างอิงรูปภาพ

เรามาทำความเข้าใจร่างกายของเรากันก่อนดีกว่าค่ะ ร่างกายของเราจะมีศูนย์อิ่ม (Satiety Center) กับ ศูนย์หิว (Feeding Center) อยู่ในสมองส่วนไฮโพทาลามัส (Hypothalamus) โดยมีกลไกควบคุมระดับน้ำตาลกลูโคสซึ่งไวต่อการเปลี่ยนแปลงระดับของน้ำตาลกลูโคสในเลือดเป็นตัวส่งสัญญาณให้ไฮโปธาลามัสรู้ว่าร่างกายต้องการอาหารหรืออิ่ม เมื่ออาหารเข้าสู่ร่างกายและถูกย่อยแล้ว น้ำตาลกลูโคสจะถูกดูดซึมผนังลำไส้เล็กเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ระดับน้ำตาลกลูโคสในเส้นเลือดแดงแตกต่างจากเส้นเลือดดำมาก ความแตกต่างนี้เองจะไปกดศูนย์หิวและไปกระตุ้นศูนย์อิ่มทำให้เรารู้สึกอิ่มขึ้นมาค่ะ แต่กว่าระดับน้ำตาลในเลือดจะเพิ่มสูงมากพอไปกระตุ้นศูนย์อิ่มก็ต้องใช้เวลาสักพักน่ะสิคะ ดังนั้นขอแนะนำว่าควรรอก่อนประมาณ 10-15 นาทีเพื่อให้มั่นใจว่าคุณยังคงหิวจริง ๆ จึงค่อยทานต่อค่ะ

12.   สร้างอุปกรณ์ถ่วงน้ำหนัก

อ้างอิงรูปภาพ

ไม่ต้องน้อยเนื้อต่ำใจถ้าคุณไม่สามารถไปออกกำลังกายที่ยิมหรือไม่มีอุปกรณ์ถ่วงน้ำหนักเหมือนคนอื่นเขา เพราะคุณสามารถออกกำลังกายที่บ้านได้ งานนี้ DIY กันไปเลยค่ะ เพียงใช้ของภายในบ้านแทน ให้ใช้ความคิดสร้างสรรค์เต็มที่เลยค่ะ เช่น เอาขวดน้ำขนาด 1.5 ลิตรมาใส่น้ำ/ทรายทำเป็นดัมเบลเอาไว้เล่น Bicep (แขนหน้า) และ Tricep (แขนหลัง) หรือหากระเป๋าเป้มาใส่ของให้มีน้ำหนักที่ต้องการเอามาเล่นท่าสควอทก็ย่อมได้ ขอแค่อุปกรณ์ที่คุณสร้างสรรค์มาจับกระชับมือและใช้งานได้อย่างปลอดภัยเท่านี้ก็เพียงพอแล้วค่ะ ถ้ามุ่งมั่นเสียอย่าง อะไรก็ขวางเราไม่ได้!

13.   ปิดอุปกรณ์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ก่อนนอนอย่างน้อย 30 นาที

อ้างอิงรูปภาพ

เมื่อตะวันลับฟ้า ฮอร์โมนเซโรโทนิน (Serotonin) ของเราก็จะแปลงร่างเป็นเมลาโทนิน (Melatonin) เพื่อเข้าสู่กระบวนการพักผ่อนฟื้นฟูร่างกาย โดยเมลาโทนินเปรียบเสมือนที่ชาร์จแบตของร่างกายค่ะ ถ้าสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เราก็จะมีเรี่ยวแรงสำหรับทำกิจกรรมในวันต่อ ๆ ไปนั่นเอง แล้วปัจจัยอะไรล่ะที่ทำให้ที่ชาร์จแบตร่างกายของเราเสื่อม?

งานวิจัยหลายฉบับพบว่าหนึ่งในปัจจัยดังกล่าวคือแสงสีฟ้าค่ะ โดยแสงสีฟ้าจะเข้าไปรบกวนการทำงานของฮอร์โมนเมลาโทนินและส่งผลกระทบกับการนอนหลับ แล้วแสงสีฟ้ามาจากไหน? ที่บ้านคุณมีเพียบเลยค่ะ ไม่ว่าจากหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ หรือจากหน้าจอมือถือ หรือหน้าจอคอมพิวเตอร์ ดังนั้นลองหลีกเลี่ยงแสงดังกล่าวอย่างน้อยสักครึ่งชั่วโมงจะช่วยลดการรบกวนการทำงานของฮอร์โมนเมลาโทนินได้ ทำให้ร่างกายพักผ่อนได้ดีขึ้นค่ะ

14.    สร้าง 3 ขั้นตอนสู่การนอนหลับ

อ้างอิงรูปภาพ

บางคนหัวถึงหมอนก็ไปเฝ้าพระอินทร์ได้ภายในไม่กี่นาที ในขณะที่บางคนพลิกท่านอนไป 300 กว่าท่าแล้วก็ยังหลับไม่ลงเสียที ยิ่งมองดูเวลาที่เดินไปก็ยิ่งกังวลใจว่าชั่วโมงการนอนของฉันจะไม่พอแล้ว ยิ่งทำให้นอนยากเข้าไปใหญ่ เคล็ดลับช่วยนอนหลับมีหลากหลายวิธีค่ะ แต่มีทริกหนึ่งที่น่าสนใจมาก ๆ ในการช่วยร่างกายของเราให้เข้าสู่นิทรามาฝาก

นั่นคือเราจะสร้างช่วงเข้าสู่การนอนหลับอย่างน้อย 3 ขั้นตอนขึ้นมาแล้วทำเป็นกิจวัตรเพื่อส่งสัญญาณให้ร่างกายรู้ว่าถึงเวลานอนแล้วนะ เช่น ก่อนนอนจะดื่มนมร้อน ทาครีมหรือแป้ง เปิดไฟสีส้ม และอ่านหนังสือ ให้คุณปฏิบัติกับร่างกายของเราให้เหมือนกับการพาเด็ก ๆ เข้านอนทุกคืนเลยค่ะ โดยขั้นตอนดังกล่าวควรเป็นขั้นตอนที่สงบและผ่อนคลายนะคะ

15.   นอนคุณภาพ>ปริมาณ

อ้างอิงรูปภาพ

แม้งานวิจัยหลายฉบับจะบอกว่าคนเราควรนอนให้ได้อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง แต่เคยไหมคะที่นอนตามนั้นจนบางครั้งมากกว่าหลายชั่วโมงก็ยังคงรู้สึกนอนไม่พอ? นั่นเป็นเพราะคุณภาพการนอนที่ไม่ดีค่ะ การนอนที่ไม่มีคุณภาพ เช่น นอนดึก นอนหลับ ๆ ตื่น ๆ หรือนอนแล้วรู้สึกนอนหลับตื้นตลอดเวลา จะทำให้ร่างกายไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอเพราะไม่ได้รับโกรทฮอร์โมนในการซ่อมแซมร่างกายได้ทันการ

เมื่อสะสมไปเรื่อย ๆ ต่อให้นอนเกิน 8 ชั่วโมงร่างกายก็จะไม่สดชื่นค่ะ เพราะเจ้าฮอร์โมนตัวนี้จะออกมาในเวลาจำกัดและเฉพาะตอนหลับลึกเท่านั้น ดังนั้นเมื่อพูดถึงการนอนหลับจึงควรใส่ใจคุณภาพมากกว่าปริมาณชั่วโมงนะคะ ขอแนะนำให้นอนแบบเด็กอนามัยหน่อยค่ะ คือไม่เกิน 5 ทุ่มเพื่อให้เข้าสู่ช่วงหลับลึกในเวลาที่โกรทฮอร์โมนออกมาทำงานพอดี ลองทำติดต่อกันสักระยะแล้วร่างกายของคุณจะฟื้นฟูได้ดีขึ้นค่ะ

16.   ออกกำลังกายตอนเช้า

หลาย ๆ คนเลือกออกกำลังกายตอนเย็นหลังเลิกเรียนหรือเลิกงานเพราะรู้สึกว่าเตียงจะดูดเป็นพิเศษในตอนเช้าใช่ไหมคะ แค่ต้องแหกขี้ตาตื่นมาเตรียมตัวไปเรียนหรือไปทำงานให้ทันก็หืดขึ้นคอแล้ว จะให้ตื่นเช้ากว่าเดิมเพื่อมาออกกำลังกาย ขอบายดีกว่า ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าคุณเป็นคนที่รู้สึกดีและสะดวกเมื่อออกกำลังกายตอนเย็นก็นับเป็นเรื่องที่สุดยอด แต่ถ้าคุณเป็นหนึ่งในคนที่ถอนหายใจแทบทุกครั้งที่ต้องออกกำลังกายตอนเย็น ออกแล้วไม่ค่อยมีแรง หรือออกแล้วรู้สึกหัวตึง ๆ กว่าเดิม คุณอาจเหมาะกับการออกกำลังกายตอนเช้าค่ะ

การออกกำลังกายคือหนึ่งในกิจกรรมที่สมองจะตบรางวัลด้วยระบบโดปามีน (ฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกปิติยินดี) และหลั่งฮอร์โมนเอ็นโดรฟิน (ฮอร์โมนแห่งความสุข) ดังนั้นหลังจบกิจกรรมจึงไม่ควรเกิดความเครียดมากกว่าเดิม การออกกำลังกายตอนเช้าสามารถช่วยลดปัจจัยส่วนนี้ได้เพราะร่างกายของเราเพิ่งผ่านช่วงฟื้นฟูจากการนอนหลับมา จะมีความเครียดเพียงเล็กน้อยจากการปลุกตัวเองตื่นเท่านั้น อีกทั้งอากาศยามเช้าก็มักเย็นสบายรวมถึงมีมลพิษทางอากาศและเสียงน้อยกว่า ต่างกับช่วงเย็นที่ผู้คนจอแจแย่งกันขับรถกลับบ้านโดยพกความอ่อนล้าและความเครียดจากที่เรียนหรือที่ทำงานติดกลับมาด้วย ที่สำคัญคือทริกนี้ต้องใช้คู่กับข้อ 15 นะคะ ไม่เช่นนั้นก็จะไม่ต่างกับการออกกำลังกายตอนเย็นแบบล้า ๆ ค่ะ

17.   ฟังเพลงดี ๆ

อ้างอิงรูปภาพ

บางคนมักชอบซ้ำตัวเองตอนที่รู้สึกแย่ เศร้า อกหัก เสียใจ โดยหาเพลงหรือหนังเศร้า ๆ ที่ตรงกับความรู้สึกตัวเองตอนนั้นมาฟังหรือมาดู ผลก็คือมักจบด้วยการร้องไห้โฮประหนึ่งดาวพระศุกร์โดนตบตี มีแต่อารมณ์ลบ ๆ แผ่ออกมาจนคนรอบข้างไม่อยากอยู่ใกล้กันเลยทีเดียว บางคนอาจเห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่า “เจ็บให้พอ ร้องไห้ให้พอ เดี๋ยวก็หยุดเอง” แต่คงจะดีกว่าถ้าเรามีวิธีที่ช่วยทำให้เรารู้สึกดีขึ้นได้ไวขึ้น จริงอยู่ว่าเรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลาในการเยียวยา แต่ Fit Kab Dao เชื่อว่าการที่เรามีพลังงานลบอยู่ แล้วไปสร้างสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยพลังงานลบเพิ่มอีกทำให้สุขภาพจิตดิ่งลงค่ะ

“จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว” เมื่อจิตใจย่ำแย่มาก ๆ ร่างกายก็จะแย่ตามไปด้วย ดังนั้นควรเลือกเอาตัวเองไปไว้ในที่ ๆ มีพลังงานบวกให้ได้มากที่สุดเพื่อให้มีช่วงที่สุขภาพจิตฟื้นฟูขึ้นมาบ้างค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลงดี ๆ ดูหนังตลก เล่นกับสัตว์เลี้ยง เป็นจิตอาสา คุยกับคนที่มีความคิดบวกหรือคนที่หรือร่าเริงสดใส การเติมเชื้อเพลิงที่ดีจะช่วยขับเคลื่อนตัวเราได้มีประสิทธิภาพมากกว่าค่ะ

18.   จงเป็นคนที่เปี่ยมไปด้วยแรงใจ

ปัจจุบันเรามีโซเชียลมีเดียที่ผู้คนสามารถเข้าไปสอดส่องชีวิตคนอื่น ๆ หรือนำเสนอชีวิตตนเองได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกแห่งทุนนิยมที่มีเทคโนโลยีแบบก้าวกระโดดใบนี้ทำให้เกิดการเปรียบเทียบไม่ว่าจะเป็นทางการใช้ชีวิตหรือฐานะทางสังคมก็ตาม สิ่งที่ตามมาคือผู้คนมักเกิดความรู้สึกไม่พอใจและไม่มีความสุขกับชีวิตของตนเอง เกิดความอิจฉาริษยาจนทำให้บางคนพยายามมีและพยายามเป็นในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเองหรือไม่ได้ต้องการ

Fit Kab Dao มองว่าชีวิตคนก็เหมือนกราฟคลื่นหัวใจค่ะ มีขึ้นสูงและลงต่ำ และแน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ย่อมเลือกโพสต์ชีวิตตอนที่กราฟอยู่สูงมากกว่า ดังนั้นสิ่งที่เราเห็นอาจเป็นเพียงหน้าฉากเท่านั้นค่ะ แต่ใครจะรู้ว่าหลังฉากของภาพถ่ายหุ่นสวย ๆ ของดาวต้องผ่านการลองผิดลองถูกจนท้อแท้และล้มเลิกไปหลายครั้ง เพียงแต่ดาวเลือกที่จะไม่โพสต์ชีวิตตอนกราฟตกก็เท่านั้น Fit Kab Dao มองว่าทุกคนวิ่งบนลู่วิ่งของตัวเองค่ะ ดังนั้นไม่ต้องเปรียบเทียบหรือแข่งกับใครเพราะไม่มีใครเร็วกว่ากำหนดหรือช้ากว่ากำหนด ชื่นชมและเป็นแรงใจให้กับชีวิตตัวเองและผู้อื่นกันดีกว่าค่ะ

19.   ออกกำลังกายที่บ้าน

ท่ายางยืดออกกำลังกาย!

คุณอาจเห็น Fitness Influencer หลายคนเข้านอกออกในยิมเป็นประจำจนตีความว่า การมีสุขภาพที่ดี = ไปยิม แต่ขอบอกตามตรงเลยค่ะว่าไม่จริง! ลองคิดดูว่าก่อนหน้าที่โลกของเราจะรู้จักกับธุระกิจที่มักเรียกกันว่ายิมหรือฟิตเนส มนุษย์ในอดีตก็สามารถมีสุขภาพที่ดีได้จากการรับประทานอาหารและออกแรงอย่างเหมาะสม ดังนั้นการที่คุณไม่มีเงินหรือไม่สะดวกไปยิมจึงไม่ใช่ปัญหาค่ะ ถ้าตั้งใจจริงสามารถออกกำลังกายที่บ้าน ที่ลานวิ่งหรือสวนสาธารณะได้ ง่าย ๆ แบบนั้นเลย

ถ้าไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี เปิดคลิปของ Fit Kab Dao แล้วทำตามก็ได้ค่ะ มีคลิปวิดีโอการออกกำลังกายหลากหลายรูปแบบ รวมถึงเคล็ดลับดี ๆ และชาเลนจ์อันน่าตื่นเต้นให้คุณได้ลองท้าทายตัวเองเตรียมไว้ให้ หรืออยากเริ่มต้นขยับตัวให้มากขึ้นแบบง่าย ๆ ตามข้อ 4 และ 7 ก็เป็นไอเดียที่ดีค่ะ เพราะการออกกำลังกายที่ได้ผลที่สุดคือการออกกำลังกายที่ “ลงมือปฏิบัติ” นะคะ

20.   ดีท็อกซ์ชีวิตดิจิทัลบ้าง

อ้างอิงรูปภาพ

ปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกของเรามีเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้คนสื่อสารกันได้อย่างใกล้ชิดและรวดเร็วมากขึ้นแบบก้าวกระโดด ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็จะเห็นคนถือสมาร์ทโฟนเดินกันพลุกพล่าน อาจกล่าวได้ว่าแทบจะไม่มีใครไม่รู้จักหรือไม่ใช้โซเชียลมีเดียในการติดต่อสื่อสารและสร้างความบันเทิงแล้วค่ะ เพราะทั้งสะดวกและสนุกที่ได้ติดต่อและติดตามเพื่อนหรือคนที่เราชื่นชอบ ซึ่งบางครั้งก็มากเกินไปจนเราปฏิสัมพันธ์กันน้อยลงและไม่ให้ความสำคัญหรือสนใจสิ่งรอบข้างมากเหมือนแต่ก่อน ทำให้เสน่ห์ตรงนี้เริ่มเลือนหายไป

Fit Kab Dao อยากแนะนำให้คุณดีท็อกซ์ชีวิตดิจิทัลดูค่ะ เพียงวางอุปกรณ์เคลื่อนที่แล้วออกไปสร้างสัมพันธ์กับผู้คนหรือชื่นชมโลกภายนอกบ้างเพื่อลดความเครียดในการติดตามชีวิตคนในโลกดิจิทัลที่บางครั้งก็เสริมเติมแต่งกันไปมากโข อาจลองเริ่มดีท็อกซ์ที่วันละ 1 ชั่วโมงแล้วค่อย ๆ เพิ่มเรื่อย ๆ จนเป็นสัปดาห์ละ 1 วันก็ไม่เลวนะคะ

21.   ทำขนมง่าย ๆ ทานเอง

อ้างอิงรูปภาพ

ในการทานคลีน Fit Kab Dao มักแนะนำให้เพื่อน ๆ ทำอาหารเองเป็นดีที่สุดเพราะเราสามารถเลือกวัตถุดิบและปริมาณเองได้ “ขนม” ในที่นี้ไม่จำเป็นต้องเป็นของที่มีขั้นตอนมากมาย หรือใช้วัตถุดิบเยอะและยุ่งยากค่ะ แต่เป็นสูตรขนมทางเลือกที่ทำให้คุณอ้วนน้อยกว่าที่ปรับมาจากต้นฉบับ ลองใช้ความคิดสร้างสรรค์ลงมือทำดูนะคะ แรก ๆ อาจไม่เป็นที่น่าพอใจนัก แต่รับรองว่าเมื่อคุณทำจนพอเข้าใจการใช้วัตถุดิบแล้ว การทำขนมจะเป็นเรื่องที่สนุกและน่าภูมิใจมากเลยค่ะ เช่น นำโยเกิร์ตมาบีบเป็นเม็ดชิปเล็ก ๆ เหมือนช็อกโกแล็ตชิปแล้วแช่เย็นไว้เอามาทานแทนช็อกโกแล็ตหวาน ๆ ตามร้านสะดวกซื้อ หรือนำมันฝรั่งมาหั่นเป็นแท่งอบด้วยเกลือและพริกไทยแทนการซื้อเฟรนช์ฟรายค่ะ

22.   เสี่ยงเซียมซี

อ้างอิงรูปภาพ

ประเทศไทยอยู่คู่ความเชื่อและการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาอย่างยาวนาน ไหน ๆ ก็ ไหน ๆ แล้วก็พึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันไปเลยค่ะ สำหรับผู้ที่ไม่มีไอเดีย ไม่อยากเลือก และไม่ซีเรียสกับชีวิต นั่งถามตัวเองทุกวันว่า “วันนี้กินอะไรดี” หรือ “วันนี้ออกกำลังกายยังไงดี” ขอแนะนำให้ทำเซียมซีทำนายดวงชะตาราศีไปเลยค่ะ

เพียงเอาไม้ไอศกรีมมาเขียนชื่อการออกกำลังกายแบบต่าง ๆ ลงไปหรือชื่อคลิปออกกำลังกายที่คุณชอบ เช่น ท่าบริหารหน้าท้อง เอวคอด ซิกแพคแน่น! ด้วยดัมเบล 5 นาที ไม่ง้อยิม”, “ปั้นสะโพกให้กลมเด้ง เซกซี่ ได้ที่บ้านแบบไม่ต้องเข้ายิม”, “20 นาที เบิร์นแบบเงียบๆ ไม่ต้องกระโดด (Low impact)หรือเขียนชื่ออาหารคลีนที่จะทำทาน แล้วเขย่าออกมาสักสองสามไม้เป็นอันเสร็จพิธี หรืออยากปรับใช้เป็นแบบอื่นก็ย่อมได้ค่ะ เช่น คุณอาจทำที่ปาเป้าแทนแล้วปิดตาปาเสี่ยงดวงดูก็สนุกตื่นเต้นไปอีกแบบนะคะ แต่! เซียมซีออกมาแล้วต้องทำนะคะ เดี๋ยวเจ้าแม่จะลงโทษ!

23.   ทำเพลย์ลิสต์

อ้างอิงรูปภาพ

การออกกำลังกายโดยเฉพาะกับผู้ที่ใช้เวลานาน ๆ มักทำให้เกิดอาการเหงาหูขึ้นมาค่ะ หลาย ๆ คนจึงเลือกฟังเพลงหรือหาซีรีส์ดูเพื่อแก้เขินคนข้าง ๆ หรือทำให้ตัวเองรู้สึกเพลินและฮึกเฮิมกับการออกกำลังกาย แต่บางครั้งก็หาเพลงที่มีจังหวะหรือเพลงที่เหมาะไม่ทันทำให้การออกกำลังกายสะดุด แถมเสียอารมณ์มานั่งไล่หาเพลงที่ใช่อีก ครั้งหน้าก่อนออกกำลังกายลองเตรียมเพลย์ลิสสำหรับการออกกำลังกายดูค่ะ คัดมาเลยเน้น ๆ โดยอาจเลือกเพลงที่มี BPM (Beat Per Minute) ตามความเร็วของการออกกำลังกายเพื่อให้รู้สึกอินมากขึ้นก็ได้ค่ะ

24.   เปิดใจเรียนรู้ให้มากขึ้น

“ความรู้ไม่มีที่สิ้นสุด” เป็นคำกล่าวที่ไม่เกินจริงเลยค่ะ เพราะมีสิ่งใหม่ ๆ รวมถึงแนวคิดใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลาให้เราได้เรียนรู้แล้วนำไปปรับใช้กับชีวิต เป็นการเพิ่มความรู้และพัฒนาจิตใจค่ะ ซึ่งคุณสามารถหาอ่านหรือฟังได้หลากหลายช่องทางในโลกสมัยนี้ ไม่ว่าจะเป็นจากหนังสือ, E-book, Youtube, หรือ Podecast โดยปัจจุบันเราสามารถเข้าถึงมีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ มากมายมหาศาลที่น่าสนใจให้เราได้ลองเรียนรู้ค่ะ

ยกตัวอย่างเช่น หากคุณชอบดูแนวเดี่ยวไมโครโฟน ลอง Ted Talks ก็ได้ค่ะ จะมีหัวข้อน่าสนใจมากมาย หรือถ้าไม่ชอบอ่าน ไม่สะดวกดู แต่ชอบฟังเรื่องราวแบบหลากหลาย ลองฟัง Podcast ของ The Standard ตอนรถติดก็ไม่เลวค่ะ จะมีหัวข้อแบ่งชัดเจนให้ได้เลือกตามความสนใจ หรือถ้าอยากได้แนวคิดดี ๆ ในการใช้ชีวิตลองติดตามช่อง Youtube ของ Prince Ea ดูก็จะได้แรงใจมหาศาล การเรียนรู้จะช่วยให้คุณได้ความรู้ เคล็ดลับ มุมมอง หรือทัศนะในการใช้ชีวิตใหม่ ๆ มากมายอย่างไม่น่าเชื่อเลยค่ะ

25.   ลดความสะดวกและตัดการมองเห็น

Facialreview fitkabdao

เคยมีการศึกษาหนึ่งที่ศึกษาว่าความสะดวกและการมองเห็นมีผลต่อการเลือกทานหรือไม่ โดยผู้ทดสอบจะเปลี่ยนตำแหน่งวางขนมไว้ 3 ตำแหน่งจนครบ 3 สัปดาห์ ได้แก่

1. บนโต๊ะในระยะที่สามารถหยิบได้โดยสะดวก
2. ในลิ้นชักซึ่งสามารถหยิบได้ค่อนข้างสะดวกแต่มองไม่เห็น
3. บนชั้นวางของซึ่งสามารถมองเห็นได้แต่ต้องลุกเดินไปหยิบ

โดยทดสอบกับพนักงานออฟฟิศจำนวนหนึ่ง ผลปรากฏว่าพนักงานออฟฟิศหยิบขนมที่วางอยู่บนโต๊ะมาทานมากที่สุด ตามด้วยในลิ้นชัก และบนชั้นวางของตามลำดับ ผลการทดสอบนี้จึงแสดงให้เห็นว่าความสะดวกและการมองเห็นมีผลต่อการตัดสินใจเลือกทานของมนุษย์ นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ถูกทดสอบประเมินจำนวนขนมที่ทานในตำแหน่งที่วางบนโต๊ะมากกว่าความเป็นจริง และประเมินจำนวนขนมที่ทานในตำแหน่งที่วางบนชั้นน้อยกว่าความเป็นจริงอีกด้วย

ลองสังเกตตัวเองก็ได้ค่ะว่าเรามักจะทานเยอะโดยไม่รู้ตัวเมื่อมีของกินอยู่ใกล้มือและเห็นได้ชัด อย่างการทานป็อปคอร์นขณะดูภาพยนตร์ หรือทานขนมขณะอ่านหนังสือสอบ ดังนั้นหากนำงานศึกษานี้มาปรับใช้ ให้คุณนำสิ่งที่อยากทานเพิ่มขึ้นมาไว้ในที่ที่สะดวกแก่การหยิบฉวยและเห็นได้ง่าย และนำสิ่งที่อยากทานให้น้อยลงไปไว้ในที่ที่เห็นได้ยากและหยิบไม่ค่อยสะดวก เช่น ถ้าอยากทานผลไม้ให้เยอะขึ้น ให้วางผลไม้ไว้ใกล้ ๆ ตัวในระยะหยิบได้ง่าย (เห็นชัดและสะดวก) แล้วเอาขนมกรุบกรอบไปไว้ด้านในสุดของตู้เก็บอาหารในห้องครัว (ไม่เห็นและไม่สะดวก) ซึ่งคุณสามารถปรับใช้กับการออกกำลังกายได้ด้วยค่ะ ลองวางอุปกรณ์ เสื้อผ้า และรองเท้าสำหรับออกกำลังกายมาวางไว้ใกล้ ๆ ตัว คุณจะรู้สึกแอกทีฟเพิ่มขึ้นค่ะ

26.   เพิ่มเมล็ดธัญพืชแบบเต็มเมล็ดลงในมื้ออาหาร

อ้างอิงรูปภาพ

ของจิ๋ว ๆ อย่างธัญพืชมักถูกมองข้ามเสมอ อาจเป็นเพราะขนาดที่เล็กจึงทำให้คนคิดว่าไม่ควรนำมาเป็นมื้อสำคัญเพราะไม่ช่วยให้อิ่มท้อง แต่ Fit Kab Dao อยากแนะนำให้เพิ่มในมื้ออาหารให้มากขึ้นค่ะเพราะเจ้าพวกนี้จิ๋วแต่แจ๋วจริง ๆ โดยเมล็ดธัญพืชแบบเต็มเมล็ดต่าง ๆ มีสารอาหารอัดแน่นเป็นพิเศษ เป็นแหล่งไฟเบอร์หรือกากใยอาหาร และมีไขมันหลายแบบที่ดีต่อสุขภาพ รวมถึงวิตามินและแร่ธาตุสำคัญ ๆ อีกทั้งสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดความดัน และช่วยระบบย่อยอาหารได้ด้วย เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรมองข้ามเลยค่ะ

แต่จะเริ่มทานอย่างไรดี? ในขั้นต้นให้ลองนำธัญพืชต่าง ๆ เช่น งาขี้ม่อน แฟลกซ์ซีด เมล็ดฟักทอง ฯลฯ มาผสมเตรียมไว้ในโหลเพื่อใช้โรยในมื้ออาหารอย่างสลัดหรือสมูทตี้ดูค่ะ หรือใครที่ชอบเนยถั่ว อาจลองผสมเมล็ดธัญพืชลงในกระปุกเนยถั่ว เพียงเท่านี้การทานขนมปังกับเนยถั่วก็จะได้คุณประโยชน์พิ่มขึ้นมหาศาลแล้วค่ะ

27.   ทำแผนออกกำลังกายหรือเลือกมื้ออาหารแบบง่าย ๆ

อ้างอิงรูปภาพ

“ง่ายไว้ก่อนพ่อสอนไว้” ท่องคำนี้วนไปเลยค่ะ ต่อให้เราจะชื่นชอบ Fitness Influencer ในดวงใจมากแค่ไหน เราก็อาจยังไม่เหมาะที่จะทำตามโปรแกรมของเขาได้โดยทันที ในขั้นเริ่มต้นควรหาอะไรง่าย ๆ สะดวก และเหมาะกับวิถีชีวิตที่สุดทำก่อนค่ะ เหมือนกับการเก็บเลเวลในเกม ถ้าเปิดเกมมาเราเจอมอนส์เตอร์แรงก์สูง ๆ เล่นกี่ตาก็ตาย คุณก็คงอยากปิดทิ้งใช่ไหมคะ

เหมือนกันค่ะ ควรหาโปรแกรมง่าย ๆ และทำได้จริงเพื่อให้สามารถสร้างนิสัยการทานและการออกกำลังกายโดยไม่รู้สึกเครียดหรือกดดันจนเกินไป ไม่เช่นนั้นเราจะท้อแท้ ทำได้ไม่นานและล้มเลิกไปในที่สุดซึ่งถือเป็นวิธีที่ไม่ยั่งยืนค่ะ แต่ก็ใช่ว่าจะต้องทำแบบง่าย ๆ ตลอดไปนะคะ เมื่อคุณเก็บเลเวลไปได้สักพักแล้วเริ่มรู้สึกง่ายเกินไปก็ค่อยเพิ่มความยากหรือความท้าทายขึ้นค่ะ

28.   ทานก่อนไปช้อปปิ้ง

อ้างอิงรูปภาพ

ร้อยทั้งร้อยเวลาโมโหหิวหรือรู้สึกหิวโซจะเกิดความรู้สึกกินช้างได้ทั้งตัว หลายคนจึงสั่งอาหารหรือซื้อของกินโดยเฉพาะเวลาไปช้อปปิ้งแบบเกินจำเป็น สุดท้ายถ้าทานไม่หมดก็จบลงที่กลายเป็นของเหลือใช่ไหมคะ ปัญหานี้แก้ได้ด้วยทริกทานก่อนออกไปช้อปปิ้งค่ะ ถ้าท้องอิ่มระดับหนึ่ง ศูนย์หิว (Feeding Center) ของเราจะไม่ทำงาน ทำให้เรามีโอกาสหยิบฉวยอาหารหรือขนมเกินตัวหรือซื้ออะไรทานระหว่างช้อปปิ้งมั่วซั่วน้อยลงนั่นเอง เพราะฉะนั้นขอแนะนำให้เพื่อน ๆ ทานให้อยู่ท้องก่อนไปซื้อของทุกครั้งนะคะ ช่วยได้ดีนักแล

29.   ลดสารให้ความหวาน

อ้างอิงรูปภาพ

ปัจจุบันมีการสังเคราะห์และสกัดสารให้ความหวานขึ้นมาให้เราเลือกใช้อย่างหลากหลาย เช่น ซูคราโรส อิริทริทอล อินูลิน แอสปาแตม ฯลฯ เพื่อเป็นตัวช่วยสำหรับผู้ที่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ในการบริโภครสหวานหรือผู้ที่ต้องการลดระดับน้ำตาลในเลือด ทว่าคนส่วนใหญ่มักมองว่าสารให้ความหวานคือตัวทดแทนน้ำตาล จึงคิดว่าบริโภคเท่าใดก็ได้และได้สุขภาพที่ดีกว่าบริโภคน้ำตาลแท้ ๆ เพราะไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งและไม่มีแคลอรี่

แต่แท้จริงแล้วสารให้ความหวานเป็นเพียงตัวช่วยทางเลือกเท่านั้นค่ะ เพราะแม้สารให้ความหวานบางชนิดไม่กระตุ้นระดับน้ำตาลในเลือด แต่สมองของคุณจะยังคงเสพติดความหวาน ทำให้ไม่สามารถลดการทานหวานได้อย่างแท้จริงและยั่งยืน ดังนั้นจึงควรค่อย ๆ ลดการทานหวานเองจึงจะดีที่สุดค่ะ

30.   ขัดผิวและบำรุงผิวตอนอาบน้ำ

อ้างอิงรูปภาพ

หลังผ่านความเครียดมาทั้งวัน ไม่ว่าจะจากมลพิษบนท้องถนน จากผู้คน จากการสอบ หรือจากการพรีเซนต์งาน ลองปรนเปรอผิวด้วยการขัดและบำรุงผิวตอนอาบน้ำถ้าคุณมีเวลาดูค่ะ นอกจากการปรนเปรอผิวจะช่วยผิวคุณดูสุขภาพดีแล้ว ยังช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้เป็นอย่างมากเพราะทั้งกลิ่น เนื้อของผลิตภัณฑ์ และการนวดคลึงสัมผัสร่างกายจะส่งผลต่ออารมณ์ทำให้คุณรู้สึกเบาสบาย โดยเฉพาะถ้าทำก่อนนอนจะช่วยให้หลับสบายมากขึ้นอีกด้วย หรือคุณอาจเลือกแช่น้ำโดยเพิ่มกลิ่นที่ชอบหรือจุดเทียนหอมกลิ่นโปรดก็ได้เช่นกันค่ะ โดยไม่จำเป็นต้องทำทุกวันนะคะ อาจจะทำสัปดาห์ละครั้งก็พอแล้ว อย่าดูถูกขั้นตอนเล็ก ๆ เหล่านี้เชียว

หวังว่าเคล็ดลับเล็ก ๆ ที่ Fit Kab Dao รวบรวมมาฝากทุกคนจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ อย่าลืมแชร์บทความดี ๆ ไปให้คนที่คุณรักได้เริ่มต้นชีวิตแบบสุขภาพดีไปด้วยกัน มาถึงตรงนี้ Fit Kab Dao ขอชื่นชมทุก ๆ คนที่มีความมุ่งมั่นแรงกล้าในการสร้างสุขภาพที่ดีให้แก่ตนเองนะคะ


เป็นคนที่สนใจเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ออกกำลังกาย ชอบทำอาหาร ชอบอ่านหนังสือที่ไม่ใช่หนังสือเรียน หาเวลาเที่ยวตลอดเวลา รักทะเล ภูเขา ติดกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ และเขียนบล็อกเพราะอยากให้ทุกคนที่ได้อ่านหันมาดูแลสุขภาพ ได้แรงบันดาลใจ และรู้จักเพื่อนใหม่ๆ

โพสต์ที่เกี่ยวข้อง

Your email address will not be published. Required fields are marked *