ไขข้อสงสัยกินแบบ IF (Intermittent fasting) คืออะไร ทำไมถึงเป็นที่นิยม?

สวัสดีค่ะชาวฟิตกับดาวเป็นอย่างไรกันบ้าง หวังว่าพี่ ๆ น้อง ๆ ที่ติดตามดาวอยู่ทุกคนคงสบายดีและมีสุขภาพที่แข็งแรงถ้วนหน้านะคะ กลับมาพบกันแบบนี้ แน่นอนว่าดาวมีบทความดี ๆ มาแบ่งปัน อีกเช่นเคยค่ะ ว่าแต่บทความที่ดาวเลือกมาวันนี้จะเป็นอะไรนั้น ตามดาวไปอ่านพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

ในปัจจุบันที่กระแสการดูแลสุขภาพกำลังเทรนที่นิยม คนหันมาใส่ใจดูแลตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการดูแลเรื่องของสุขภาพจิตใจ การดูแลร่างกายด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่ดี หรือจะเป็นการออกกำลังกายเพื่อความแข็งแรงและความฟิตของร่างกาย แน่นอนว่าด้วยความนิยมของกระแสที่มาแรงแบบนี้ ทำให้มีข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ มากมายให้เราได้ศึกษา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการออกกำลังกาย รูปแบบการทาน การดูแลร่างกายต่าง ๆ และวันนี้บทความของดาวจะมาพูดถึง อีกกระแสที่กำลังมาแรง และเป็นที่พูดถึงค่ะ นั่นก็คือ IF

หลายคนอาจจะเคยอ่านข้อมูลเรื่องIF มาบ้าง แต่สำหรับใครที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนก็ไม่เป็นไรค่ะ บทความนี้เราจะมาพูดถึงไปพร้อม ๆ กัน
IF คืออะไร?

IF หรือ Intermittent Fasting

ดาวจะอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ว่าเป็นการไดเอตวิธีหนึ่ง หลักการของก็คือการไดเอตด้วยวิธีนี้เราจะจำกัดเวลาการทานอาหารค่ะ แต่ไม่ใช่อดนะคะเพราะเรายังต้องทานให้ครบสารอาหารตามที่ร่างกายต้องการ เพียงแต่จำกัดเวลาให้อยู่ในช่วงที่เรากำหนด (ซึ่งตรงนี้เราต้องคำนวนสารอาหาร และจัดสรรสัดส่วนให้เหมาะสม ให้รับประทานอาหารให้ถึง BMR และหลากหลาย สารอาหารครบ) และช่วงเวลาที่เราต้องFast หรืองดนั้น เราจะทานได้เพียง น้ำเปล่า กาแฟดำ ชาเขียว

รูปแบบการIF ตรงนี้จะมีหลายระดับยกตัวอย่างเช่น

– งด 12 ชั่วโมง ทาน 12 ชั่วโมง ใครที่สนใจอยากจะเริ่มลองทำอันนี้ก่อนก็ได้ค่ะ จะได้รู้ขีดจำกัดของร่างกายตัวเองว่าทำได้ประมาณไหน หากทนได้ก็ค่อย ๆ เพิมระยะเวลาการ Fast นานขึ้น

– งด 16 ชั่วโมง ทาน 8ชั่วโมง (อันนี้เป็นที่นิยมมากที่สุดค่ะ)
สองอันนี้ดูเหมือนจะต้องงดอาหารนานมาก ตัวเลขหลักสิบชั่วโมงเลยทีเดียว แต่ถ้าเราคิดรวมกับเวลานอน ซึ่งวันนึงเราก็ต้องนอนประมาณ8 ชั่วโมงอยู่แล้ว เราจะเห็นได้ว่าช่วงเวลาที่เราจำกัดมันช่วงนึงเท่านั้นร่างกายสามารถทนได้ค่ะ

– Spontaneous Meal Skipping งดมื้อที่เราไม่หิว เช่นตอนเช้า ตื่นมาไม่หิว ให้งด แต่มื้อที่เหลือคือต้องทานให้ครบตามสารอาหารที่ร่างกายต้องการค่ะ

– eat stop eat พูดง่าย ๆค่ะ งด 1 วันเต็มๆ อาจจะทำอาทิตย์ละ 2 ครั้ง วันปกติก็ทานปกติ วิธีนี้ต้องใช้ความอดทนสูง ซึ่งอาจจะไม่เหมาะสำหรับทุกคน เพราะอาจทำให้ตบะแตกได้ค่ะ

– Warrior Diet ทานวันละมื้อ แต่ต้องครบ อันนี้คืออาจจะยาก เพราะต้องอัดแน่น กินจุก ซึ่งเราอาจกินไม่ครบสารอาหารภายในมื้อเดียว

ข้อดีของIF

มีงานวิจัยออกมาว่าเมื่อทำIF ในช่วงFast หรือการอด ฮอร์โมน Human Growth Hormone (HGH)ซึ่ง เป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการเจริญของร่างกายและการเสริมสร้างกล้ามเนื้ออีกทั้งยังกระตุ้นการการสลายไขมันระดับของฮอร์โมนนี้ในร่างกายจะพุ่งสูงมากกว่า 5 เท่า

ส่งผลดีต่อระบบการทำงานของ insulin ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทราบกันดีว่าทำหน้าที่ลดระดับน้ำตาลในเลือดโดยในช่วงฟาสจะทำให้อินซูลินมีระดับที่ต่ำซึ่งสามารถกระตุ้นการสลายไขมันที่สะสมได้อีกทั้งยังมีความไวและพร้อมต่อการตอบสนองของระดับน้ำตาลที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเข้าสู่ช่วงกินทำให้ระดับอินซูลินสูงขึ้นฉับพลันส่งผลต่อการลดระดับน้ำตาลอย่างรวดเร็วทำให้ไม่เปิดการสะสมในรูปของไขมัน จัด ปรับรูปแบบการทาน ทำให้เราเป็นคนมีระเบียบวินัย ไม่ทานจุกจิกจนติดเป็นนิสัย

ในกรณีการควบคุมระยะเวลาการทาน (12/12 – 16/8) เหมาะกับการไดเอตในชีวิตประจำวัน สายชิลล์ไม่ทานคลีนก็ทำได้ เพียงแค่ต้องควบคุมเวลาในการทาน และปริมาณที่เหมาะสม

ข้อเสียของIF

ไม่มีงานวิจัยที่บ่งบอกว่าการทำ IF ส่งผลเสียต่อร่างกาย แต่โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่า สำหรับรูปแบบการทำ IF บางอย่างนั้น อาจจะไม่เหมาะสมกับชีวิตประจำวันของบุคคลที่ทำงานทั่วไป เช่น การอดทั้งวัน ซึ่งหากเราเป็นบุคคลที่ต้องทำงาน ใช้แรงและสมอง อันนี้ไม่ควรทำในวันปกติเมื่อต้องทำงาน แต่จะทำเสาร์ อาทิตย์ วันหยุด อันนี้ว่ากันไปค่ะ

หรือ การทานวันละมื้อซึ่งเป็นเรื่องยากมากที่จะอัดให้ได้สารอาหารครบตามที่ร่างกายต้องการในมื้อเดียว นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มความเสี่ยงที่จะตบะแตกได้ง่าย ซึ่งอันนี้ต้องแล้วแต่ความสามารถและขีดจำกัดของคนด้วยค่ะ

ข้อควรรู้ของผู้ที่เริ่มทำ IF

ควรศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ให้ชัดเจนก่อนที่จะเริ่มทำ ต้องมีความเข้าใจว่า ไม่ใช่การอดอาหาร แต่เป็นการจัดเวลาการกิน เพราะฉะนั้นหนึ่งวันต้องทานให้ครบตามความต้องการของร่างกายและจัดหมู่อาหารให้เหมาะสม

หากมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาหมอ และผู้เชี่ยวชาญก่อน และเด็ก และสตรีมีครรภ์ไม่ควรทำ IF

การเลือกทานอาหารมีผล เช่น ต้องเลือกระหว่าง กินบิงซู หรือ เมี่ยงปลาเผา สารอาหารในสองตัวนี้ต่างกัน ควรเลือกสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
ควรเริ่มจากการฟาสแบบง่าย ๆ เช่น 12/12 แล้วจึงค่อยๆ ขยับเวลาในการงดเพิ่มตามระดับค่ะ อาจจะค่อย ๆ เพิ่ม อาทิตย์ละชั่วโมง หรือ สามสิบนาที

ดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ เพราะการกระหายน้ำอาจทำให้ร่างกายตอบสนองในรูปแบบของการหิว
และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีการไดเอตที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบันนะคะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับใครที่กำลังศึกษาหาข้อมูลไม่มากก็น้อยนะคะ สำหรับวันนี้ต้องลากันไปก่อน ด้วยรักและสุขภาพดี จากฟิตกับดาวค่ะ


เป็นคนที่สนใจเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ออกกำลังกาย ชอบทำอาหาร ชอบอ่านหนังสือที่ไม่ใช่หนังสือเรียน หาเวลาเที่ยวตลอดเวลา รักทะเล ภูเขา ติดกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ และเขียนบล็อกเพราะอยากให้ทุกคนที่ได้อ่านหันมาดูแลสุขภาพ ได้แรงบันดาลใจ และรู้จักเพื่อนใหม่ๆ

โพสต์ที่เกี่ยวข้อง

Your email address will not be published. Required fields are marked *